วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

“ส้ม” เพื่อนของฉันกับธนาคารสีชมพู

สิงหาคม 2550 มีข่าวจากเพื่อนที่ทำงานกับฉัน ถึงเรื่องเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับฉันคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุขณะไปที่ทำงาน ฉันรับฟังได้เพียงบางส่วนเพราะรายละเอียดที่เหลือยังไม่ชัดเจนนัก เพราะ “ส้ม” เพื่อนของฉันได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่นแล้ว เพื่อรับการดูแลที่สูงขึ้น นั่นเองที่ฉันได้ตระหนักว่ามีบางอย่างที่หนักหนาเกิดขึ้นกับ “ส้ม” เพื่อนของฉันแล้ว

กว่าสองสัปดาห์ ที่ข่าวของส้ม ยังถูกพูดถึง ทั้งอาการและสิ่งผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการรักษาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ซึ่งคาดเดาไม่ได้ว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน

แล้ววันหนึ่ง แม่ของส้มได้แจ้งข่าวมายังเหล่าเพื่อนฝูงเก่าๆในโรงพยาบาลของเราทำให้เราได้รับรู้ข่าวว่า “ส้ม” ได้รับการผ่าตัดกระดูกส่วนหลังที่หักจนกดทับเส้นประสาทตั้งแต่ระดับเอวลงมา ตอนนี้ส้มผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แต่ความรู้สึกตั้งแต่สะโพกเลยไปจนถึงขาทั้งสองข้างมันได้หายไปด้วย ส้มไม่สามารถขยับขาได้เลย ส้มจะกลับออกจากโรงพยาบาลใหญ่ เพื่อมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านในอีกสองสามวันนี้ ฉันตัดสินใจทันที ในการที่จะไปรับเพื่อนของฉัน พร้อมกับรถโรงพยาบาลของเราที่จัดไปรับส้มพร้อมแม่กลับบ้าน

การเห็นเพื่อนที่เดิมเคยกุลีกุจอต้อนรับดูแลเวลาไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร ตอนนี้กลับต้องนอนอยู่บนเตียงมีเครื่องบังคับส่วนที่ผ่าตัดไว้ มันทำให้ฉันต้องพยายามหาคำตอบที่ยากเย็นให้กับเพื่อนฉันคนนี้
ฉันพยายามติดต่อข้อมูลการดูแลต่อจากหมอเจ้าของไข้ให้มากที่สุด เพื่อที่เมื่อส้มกลับมาบ้าน เขาจะได้รับการดูแลต่ออย่างถูกต้อง รถโรงพยาบาลพาพวกเรากลับมาบ้าน เพื่อวันพรุ่งนี้เราจะได้วางแผนการฟื้นฟูสภาพ

“ส้ม” เพื่อนของฉันนั่งมาในรถอย่างอดทน และยังมีความเข้มแข็งให้เห็นอย่างเช่นเคย ถึงแม้ในใจนั้นฉันเดาว่ามันคงมีคำถามมากมายรออยู่

“ส้ม” ได้มารับการทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลบ้านเราในทุกวัน โดยมีรถรับส่งของโรงพยาบาลรับจากบ้านมาโรงพยาบาล ในทุกครั้งเราจะพูดคุยกันถึงความรู้สึก เป้าหมายที่จะดูแลกันต่อ ความกังวล และความในใจหลายอย่างของส้ม เพราะส้มเป็นลูกสาวเดียวที่อยู่ใกล้ชิดดูแลแม่มาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นความกังวลของเสาหลักของแม่ก็มีมากขึ้นทวีคูณ

“เราจะกลับไปเดิน ไปทำงานได้เหมือนเดิมไหม”
“ถ้าเราต้องไปทำงานจริงเราจะขึ้นลงยังไง เราจะช่วยงานเพื่อนๆเหมือนเดิมได้อีกไหม ” เป็นคำถามที่ส้มพูดคุยกับฉันเสมอ คำถามที่ฉันคงต้องคิดถ้าหากวันหนึ่งฉันต้องมีสภาพเช่นเดียวกับส้ม

ช่วงเวลาที่ผ่านไป ฉันเห็นเพื่อนๆที่ทำงานธนาคารเดียวกันกับส้ม แวะเวียนมาเยี่ยมดูอาการอยู่เสมอ ทั้งติดตามข่าว หาทางช่วยเหลือประสานงาน ส่งข่าวต่อไปยังเพื่อนๆในเครือธนาคาร หลากหลายการรับรู้ หลากหลายความรู้สึก และห่วงใยจากเพื่อนๆเหล่าธนาคารสีชมพู ส่งผ่านมาตามสายใยแก้วให้ส้มรับรู้ และต่อสู้กับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่

แล้ววันหนึ่งขณะที่ส้มกำลังทำกายภาพบำบัดอยู่ที่โรงพยาบาล เราก็ได้ต้อนรับคณะจากสมาพันธ์แรงงานธนาคารออมสิน ที่เฝ้าติดตามข่าวของส้มอยู่เป็นระยะ การมาในครั้งนี้สร้างความหวังและกำลังใจให้กับส้มเป็นอย่างมาก ทั้งยังทลายกำแพงความสับสนกับคำถามหลายอย่างที่ส้มเคยถามกับฉันในช่วงเวลาที่ผ่านมา

เมื่อการตอบรับจากสมาพันธ์ในการพยายามที่จะช่วยเหลือให้ส้มได้กลับไปทำงาน โดยจะบรรจุให้เป็นข้าราชการเพื่อความมั่นคงของส้ม แทนตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวเดิมที่ส้มปฏิบัติมาหลายปี ทั้งความพยายามวางแผนในการปรับสถานที่ทำงานให้เหมาะสม เมื่อส้มจะต้องกลับไปทำงานในธนาคารอีกครั้ง ด้วยการวางแผนตามปัญหาสุขภาพของส้ม เช่น ห้องน้ำที่ปรับให้สะดวกเวลาที่ส้มต้องใช้รถเข็นเข้าออก ทางขึ้นลงที่ต้องวางแผนปรับปรุงในอนาคต ให้เหมาะสมที่จะให้ส้มขึ้นลงด้วยตัวเองได้
โดยเฉพาะการดูแลจากเพื่อนๆที่ทำงาน ในการที่จะดูแลส้มในทุกๆวันที่ต้องเดินทางไปทำงาน อย่าง”พี่ทิน”ที่ต้องคอยรับส่ง และอุ้มพาส้มขึ้นบันไดธนาคาร เพื่อนๆเคาน์เตอร์ที่คอยดูแลส้มระหว่างทำงาน ที่ทำให้ส้ม สามารถทำงานได้เช่นพนักงานคนอื่นๆเช่นเคย
ด้วยความตั้งใจจากคณะที่มาเยี่ยมส้มในวันนั้น และอีกหลายครานับจากนั้น

วันนี้เพื่อนของฉันกลับไปปฏิบัติงานในฐานะพนักงานคนหนึ่งของธนาคารออมสิน
วันนี้ของส้มเพื่อนของฉัน ที่บอกลาเหล็กประกบขา มาออกเดินด้วยแรงของขาตัวเองในราวไม้ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เต็มที่เหมือนก่อนนี้ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ “ส้ม” จะมีช่วงเวลาที่ได้ก้าวเดินอีกครั้ง บางอย่างที่”ส้ม”ได้เสียไปแล้วในช่วงเวลาหนึ่งที่เลวร้าย

วันนี้ได้กลับมาเติมเต็มด้วยความเข้มแข็งของส้ม ด้วยกำลังใจของครอบครัว อีกทั้งเหล่าเพื่อนชาวธนาคารสีชมพู ที่ฉันมั่นใจว่าเขาจะดูแลเพื่อนของฉันคนนี้ไปตลอดได้อย่างดีที่สุดในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของที่แห่งนี้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น