แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ WI-IMT แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ WI-IMT แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

WI-IMT-การดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

การดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
1. การรักษาความปลอดภัย และป้องกันการสูญหายของแฟ้มเวชระเบียนมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้

  • จัดสถานที่ให้เหมาะสำหรับจัดการเก็บรักษา โดยมีชั้นสำหรับใส่แฟ้มประวัติผู้ป่วยนอกและแฟ้มผู้ป่วยในและเน้นให้เก็บอย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสียหายทางกายภาพ มีช่องที่มีขนาดเหมาะสม หยิบใช้สะดวก ลดการเกิดการชำรุดของเวชระเบียน
  • สำรวจสายไฟในหน่วยงานไม่ให้ชำรุดสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอัคคีภัย
  • มีการจำลองเหตุการณ์ ร่วมซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  • จัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง และมีการตรวจสอบให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายทางกายภาพที่อาจเกิดขึ้นของเวชระเบียน
  • การสำรวจปลวกและกำจัดปลวกในหน่วยงาน และมีระบบการจัดการขยะที่เหมาะสมในหน่วยงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
  • สถานที่จัดเก็บแฟ้มเวชระเบียนของผู้ป่วยทุกประเภทห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การขอประวัติผู้ป่วยเพื่อไปใช้ภายนอกโรงพยาบาล ต้องทำบันทึกการขอข้อมูลตามแบบฟอร์มไว้เป็นหลักฐาน เพื่อขออนุญาตกับผู้บังคับบัญชา และพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยให้เฉพาะสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
  • เจ้าหน้าที่ของแผนกเวชระเบียนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในได้ โดยทุกคนจะได้รับการอบรมในเรื่องการรักษาข้อมูลผู้ป่วย จรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่เวชระเบียน ในการไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือการขอเข้าดู
  • มีการจัดเวรปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเวรเช้าวันเสาร์-อาทิตย์จัดเวรละ 2 คน เวรบ่าย-ดึก เวรละ 1 คน และจัดเจ้าหน้าที่เสริมในวันที่มีผู้รับบริการมาเป็นพิเศษ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ
  • ห้องตรวจจะต้องส่งแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย คืนหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจในแต่ละวันหรือภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยที่ Admit ให้ ward ส่งคืน OPD Card ภายหลัง Discharge ผู้ป่วย
  • แฟ้ม IPD ภายใน 15 วัน หลังจากผู้ป่วย Discharge เจ้าหน้าที่ผู้คืนจะต้องลงบันทึกการคืนในใบรายงานยอดผู้ป่วยนอกหรือสมุดส่งคืนแฟ้มผู้ป่วยใน ส่วนเจ้าหน้าที่เวชระเบียนมีหน้าที่รับคืนโดย manual และบันทึกใน Computer
  • การใช้ระบบสารสนเทศในการควบคุมเวชระเบียนโดยออกแบบโปรแกรมสามารถบันทึกการส่งเวชระเบียนผู้ป่วยไปแผนกต่างๆ และสามารถตรวจสอบกลับได้ เมื่อพบว่าประวัติผู้ป่วยที่ค้นหาไม่พบถูกส่งไปจุดบริการใดเป็นจุดสุดท้ายที่ใช้บริการ
  • การประชุมชี้แจงนโยบายด้านเวชระเบียนให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทราบ
  • กรรมการสารสนเทศกำหนดผู้มีสิทธิและระดับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลในแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย ดังนี้


ผู้มีสิทธิ
  • เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเวชระเบียนทุกคน
  • แพทย์/พยาบาล ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
  • ผู้ทำงานวิจัย หรือนักศึกษาหลักสูตรทางการแพทย์และสาธารณสุขต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าฝึกอบรมที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
  • ศาล ,บริษัทประกันชีวิต,สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สำนักงาประกันสังคม,บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ,กรมบัญชีกลาง ต้องทำหนังสือขอเข้าดูข้อมูล หรือมีหมายศาลโดยผ่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและระดับความสามารถเข้าถึงข้อมูล

  • ข้อมูลทางการแพทย์กำหนดให้แพทย์หรือผู้ที่รับมอบหมายเท่านั้นที่จะเป็นผู้เข้าถึง
  • ข้อมูลทางการพยาบาล กำหนดให้แพทย์/พยาบาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้เข้าถึง
  • ข้อมูลทางเวชระเบียนผู้เกี่ยวข้องมีสิทธิ์สามารถเข้าถึงได้แต่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
2. การรักษาความปลอดภัย และป้องกันการสูญหายของแฟ้มเวชระเบียนที่จัดเก็บในรูปแบบ Electronic file
  • โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายใช้โปรแกรม HOSxP ในการจัดเก็บข้อมูลเวชระเบียนและการเข้ารับบริการของผู้ป่วยไว้ในคอมพิวเตอร์ โดยมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้
    • กำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลต่างๆในคอมพิวเตอร์ มีรหัส username และ password เพื่อการเข้าถึงงานในแต่ละประเภท โดยรหัสที่กำหนดให้จะเข้าถึง(Access_menu) และใช้งานได้ เฉพาะงานในหน้าที่ของตนเองเท่านั้นไม่สามารถใช้งานในด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้
    • เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนได้รับการอบรม ในเรื่องการรักษาข้อมูลผู้ป่วย จรรยาบรรณในการไม่เปิดเผยข้อมูล ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามระเบียบการขอประวัติการรักษาเวชระเบียนผู้ป่วย
    • กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ใช้งาน HOSxP ต้อง Log out ออกจากโปรแกรมทุกครั้งหากไม่ได้ปฏิบัติงานอยู่ที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และตั้งเวลาให้โปรแกรม Log out อัตโนมัติกรณีทีไม่มีใช้งานเป็นเวลานานเกิน 5 นาที
    • กำหนดให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ใช้งาน HOSxP ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทุก 6 เดือน และตั้งค่าโปรแกรมให้มีการแจ้งเตือนและลบค่า password เดิมอัตโนมัติหากไม่มีการเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ภายในเวลาที่กำหนด
    • กำหนดให้โปรแกรมสามารถตรวจสอบเหตุผิดพลาดของงานและสืบสวนย้อนกลับได้ว่ามีการเข้าถึง การบันทึกหรือแก้ไข ข้อมูลของผู้ป่วยที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ โดยรหัสผู้ใช้ของใคร มีการดำเนินการเมื่อไหร่
    • กำหนดให้โปรแกรมสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลและการนำข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไปใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น จำกัดสิทธิการ print รายงานข้อมูลประวัติผู้ป่วย,กำหนดเครื่องพิมพ์ใบเสร็จ เป็นต้น
    • กำหนดให้มีการติดตั้งโปรแกรมเพื่อป้องกันและปกป้องข้อมูลจากไวรัส มัลแวร์ โทรจัน หนอนคอมพิวเตอร์ และตรวจสอบให้มีการ update อัตโนมัติ
    • กำหนดให้มีการปิดระบบเพื่อป้องกันการใช้อุปกรณ์พกพา เช่น Hard disk External, USB Flash drive
    • สำรวจสายไฟในหน่วยงานไม่ให้ชำรุดสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอัคคีภัย
    • การจำลองเหตุการณ์ ร่วมซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และมีเหตุจำเป็นต้องขนย้ายเครื่อง Server
    • จัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง และมีการตรวจสอบให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายทางกายภาพที่อาจเกิดขึ้นของเวชระเบียน
    • ห้องจัดเก็บ Server ปรับปรุงมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ของโรงพยาบาล โดยจัดเก็บ Server ไว้ในตู้ Rack สำหรับขนย้าย ภายในห้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ 2 ตัว เพื่อสลับการทำงานทุก 6 ชั่วโมง และล็อคห้อง server เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
    • กำหนดสิทธิรหัสผู้ใช้ username และ password สำหรับการใช้งาน server และการเข้าถึง database ข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วย
    • การ Backup ข้อมูลที่จัดเก็บในรูปแบบ Electronic files ดังนี้
      • จัดเก็บข้อมูลใน Server หลัก จัดทำเป็น RAID-5 โดยมี Hard disk สำหรับบันทึกข้อมูลที่เหมือนกันจำนวน 5 ลูก
      • จัดเก็บข้อมูลใน Server รอง ตัวที่ 1 จัดทำเป็น RAIDS-5 โดยมี Hard disk สำหรับบันทึกข้อมูลที่เหมือนกันจำนวน 5 ลูก
      • จัดเก็บข้อมูลใน Server รอง ตัวที่ 2 โดยใช้การทำ Auto Back up แบบ Full วันละ 1 ครั้งเวลา 00.00 น. และมีการทดสอบข้อมูลสำรองเดือนละ 1 ครั้งโดยการนำข้อมูลไปใช้ในการออกหน่วยให้บริการผู้ป่วยที่ รพ.สต.
      • จัดเก็บข้อมูลสำรองเก็บไว้ในเครื่อง Personal computer ที่เป็นเครื่องลูกข่าย โดยใช้การทำ replication ข้อมูลจากเครื่อง Server หลักแบบ real time
      • การ Copy ข้อมูล Back up เก็บไว้ใน Hard disk External
      • การจัดพิมพ์เอกสารรายงานการใช้บริการของผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเพื่อเก็บเป็นหลักฐานการเข้ารับบริการทุกวัน



WI-IMT-แนวทางปฏิบัติการรักษาความลับผู้ป่วย

นิยาม

ความลับของผู้ป่วย หมายถึง ข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยทุกอย่าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติสุขภาพหรือการรักษาพยาบาล เช่น การตรวจวินิจฉัยโรค อาการของโรค ยาที่ใช้ รักษา และถ้าหากเป็นการเจ็บป่วยที่ไม่เป็นไปตามปกติหรือมีผู้กระทำ เมื่อข้อมูลถูกเปิดเผยไปแล้วอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความอับอายหรือถูกคุกคามชีวิต เช่น กรณีผู้ป่วยถูกข่มขืน ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกยิง หรือป่วยเป็นโรคที่สังคมรังเกียจ เป็นต้น

ความผิดเกี่ยวกับการเปิดเผยความลับของผู้ป่วย หมายถึง

  1. วามผิดฐานเปิดเผยความลับผู้ป่วยมาตรา323 ตามประมวลกฎหมายอาญาจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับ 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 15,24,25 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  3. เกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2536 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่เปิดเผยความลับ ของผู้ป่วยซึ่งตนทราบมาเนื่องจากการประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ด้วยความยินยอมของผู้ป่วยหรือเมื่อต้องปฏิบัติ ตามกฎหมายหรือตามหน้าที่


เจ้าหน้าที่ หมายถึง เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย หรือเกี่ยวกับการใช้ข้อมูล
กรรมการสารสนเทศ กำหนดแนวทางการเก็บรักษาความลับของผู้ป่วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติดังนี้

1. หลักการในการตัดสินใจ เพื่อเปิดเผยหรือปกปิดข้อมูลส่วนตัว หรือความลับของผู้รับบริการ มีดังนี้
  •  ให้ความสำคัญ เคารพเอกสิทธิ์หรือความเป็นอิสระในความเป็นส่วนตัวหรือสิทธิผู้ป่วย
  • ความซื่อสัตย์ยึดมั่นในพันธะสัญญา การขอให้ผู้ป่วยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแก่ทีมสุขภาพเป็นการบ่งชี้ว่าทีมสุขภาพมี พันธะสัญญาที่จะต้องปกปิดความลับหรือใช้ข้อมูลที่ได้มานั้นอย่างเหมาะสม
  • ข้อยกเว้นสำหรับการปกปิดความลับการเปิดเผยความลับสามารถกระทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ป่วย ยินยอมและกรณีอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
    • ในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน
    • ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะไร้ความสามารถ
    • เพื่อปกป้องผู้อื่นจากอันตราย หรือเพื่อประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
    • เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย เช่น การเปิดเผยให้บุคลากรอื่นในทีมสุขภาพ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย
    • เมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การรายงานโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การทารุณกรรมเด็ก โรคติดต่อ


2.จำกัดตัวบุคคลหรือบุคลากรที่มีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการ
  •  การจำกัดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการในคอมพิวเตอร์
    • เจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วย มีหน้าที่รักษาความลับของผู้ป่วย โดยมี Username / Password ในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละโปรแกรม
    • รหัส Username/Password ต้องเก็บรักษาเป็นความลับห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปใช้
    • กรรมการสารสนเทศกำหนดให้ต้องมี Username/Password ในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละโปรแกรม ดังนี้
      • โปรแกรม HOSxP
      • โปรแกรม Back office
      • ระบบ Datacenter
      • โปรแกรมบันทึกข้อมูล online/offline ของ สปสช.
      • ระบบ VPN
      • ระบบ internet ของโรงพยาบาล 


โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบและใช้งานต้องเก็บ Username / Password ของตนเองเป็นความลับไม่เปิดเผยให้บุคคลอื่นล่วงรู้

  • กำหนดสิทธิ์ของผู้เข้าถึงข้อมูลและมีการกำหนดชั้นความลับของข้อมูลในโปรแกรม HOSxP ดังนี้
    • สิทธิในการใช้งานโปรแกรม HOSxP
    • สิทธิในการเข้าถึง/เพิ่ม/แก้ไข/ลบ/พิมพ์ ข้อมูลทะเบียนประวัติส่วนตัวของผู้ป่วย
    • สิทธิในการเข้าถึง/เพิ่ม/แก้ไข/ลบ/พิมพ์ ข้อมูลทะเบียนประวัติการเข้ารับบริการของผู้ป่วย
    • สิทธิในการเข้าถึงแผนก/หน่วยงานต่างๆ/คลินิกพิเศษ
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ รายการเวชภัณฑ์
    • สิทธิในการตรวจ/ยืนยันผลชันสูตร/เอกเรย์
    • สิทธิในการอ่านผลตรวจชันสูตร/เอกเรย์
    • สิทธิในการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ ข้อมูลการเงิน
    • สิทธิในการเพิ่ม/แก้ไข/ลบ ข้อมูลงานเอกสาร
  • กำหนดให้ศูนย์คอมพิวเตอร์มีหน้าที่เก็บ log file ของผู้ใช้งาน HOSxP และสามารถตรวจสอบ Log file ของผู้ป่วยได้หากเกิดกรณีแก้ไขดัดแปลงเกิดขึ้น
  • การจำกัดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลการเจ็บป่วยของผู้รับบริการในแฟ้มเวชระเบียน
  • แฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยจัดเก็บที่ห้องเวชระเบียนซึ่งเป็นสถานที่เฉพาะและเป็นสัดส่วนจำกัดการเข้าถึง และ ให้สิทธิเฉพาะเจ้าหน้าที่งานเวชระเบียนในการค้นและจัดเก็บแฟ้มเวชระเบียนเท่านั้น และห้ามบุคคล ภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • นอกเวลาราชการและวันหยุดราชการจะปิดประตูเวชระเบียนทุกด้านให้มีการเข้าออกทางเดียวเพื่อป้องกันการสูญหายของเวชระเบียน
  • จัดให้มีการจัดเวรให้อยู่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเวรเช้าเสาร์-อาทิตย์ให้เวรละ 2 คน สำหรับวัน หยุดนักขัตฤกษ์จัดให้มีเวรเข้า 3 คน เวรบ่าย-ดึกเวรละ 1 คน เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการแก่ผู้รับ บริการ
  • การขอข้อมูลประวัติในแฟ้มเวชระเบียน ให้ปฏิบัติตามแนวทางการขอประวัติการรักษา (เวชระเบียนผู้ ป่วย)


หน้าที่ในการรักษาความลับของผู้ที่เข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย

  1. การบันทึกข้อมูลประวัติและการเข้ารับบริการของผู้ป่วย

    • ไม่บันทึกข้อมูลที่ไม่เป็นจริง (untrue information)
    • ไม่ควรบันทึกข้อมูลที่เป็นจริงแต่เป็นข้อมูลที่ไม่สมควรบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
    • ก่อนการบันทึกข้อมูลใดๆ ลงในแฟ้มประวัติเวชระเบียนของผู้ป่วย หรือในคอมพิวเตอร์ต้องพิจารณาเนื้อหาที่จะบันทึกให้รอบคอบ
    • การนำข้อมูลของผู้ป่วยหรือตัวผู้ป่วยไปเผยแพร่ให้ความรู้ จัดทำราย ตีพิมพ์เอกสารทางวิชาการต่างๆ
    • ให้เก็บเอกสารหรือรายงานเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ป่วยไว้เป็นความลับ เมื่อนำไปใช้ในการสอนหรือใช้ประกอบในการเขียนรายงานต่าง ๆ
    • การเปิดเผยข้อมูลจะต้องได้รับหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร ที่แสดงถึงความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล
    • การเขียนรายงานผู้ป่วยเพื่อตีพิมพ์โดยทั่วไปแล้วไม่ควรใส่ ชื่อ-นามสกุลผู้ป่วย
    • หลีกเลี่ยงการตีพิมพ์ หรือแสดงรูปผู้ป่วยที่เห็นใบหน้าชัดเจน ถ้าจำเป็นต้องปิดส่วนหนึ่งของใบหน้า
    • การนำผู้ป่วยไปแสดงหรือปรากฏตัวต่อสาธารณชนเพื่อเป็นตัวอย่างในการให้ความรู้แก่ประชาชน ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยก่อนการนำเรื่องราวของผู้ป่วยไปเปิดเผยต่อสื่อมวลชน 
    • ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการนำเรื่องผู้ป่วยเข้าประชุมปรึกษาหารือกับกลุ่มบุคคลอื่น ที่อยู่นอกวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่ควรเปิดเผยชื่อ- นามสกุลผู้ป่วย
    • ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เวชระเบียนหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด
    • กรณีเป็นบุคลากรที่มีหน้าที่ในการให้ข้อมูลหรือตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ป่วย เช่น ระชาสัมพันธ์ ควรจะต้องระมัดระวัง และตรวจสอบผู้ที่ถามนั้นว่า เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยอย่างไรก่อน ให้ข้อมูลตามความจำเป็นและตามขอบเขตที่ได้รับอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วยได้การอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วย 
โรงพยาบาลกำหนดให้บุคลากรต่อไปนี้มีสิทธิอนุญาตให้เปิดข้อมูลผู้ป่วย
  • ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ,ประธานองค์กรแพทย์ ,แพทย์เจ้าของไข้,หัวหน้างานเวชระเบียน


วิธีปฏิบัติเมื่อมีการละเมิด
  1. ผู้พบเหตุการณ์รายงานหัวหน้าหน่วยงานทราบเพื่อประเมินและบันทึกความเสี่ยง หัวหน้าหน่วยงานรายงานผู้จัดการความเสี่ยง/หัวหน้างานเวชระเบียน ทราบเพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ทันท่วงที
  2. คณะกรรมการสารสนเทศทบทวนความเสี่ยงทำ RCA( Root Cause Analysis)หาสาเหตุของปัญหาและประสานกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไข
  3. คณะกรรมการสารสนเทศพิจารณาแนวทางแก้ไข ออกระเบียบปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุละเมิดเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซ้อน
การรักษาความปลอดภัย และป้องกันการสูญหายของแฟ้มเวชระเบียนมีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้
  1. จัดสถานที่ให้เหมาะสำหรับจัดการเก็บรักษา โดยมีชั้นสำหรับใส่แฟ้มประวัติผู้ป่วยนอกและแฟ้มผู้ป่วยในและเน้นให้เก็บอย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสียหายทางกายภาพ มีช่องที่มีขนาดเหมาะสม หยิบใช้สะดวก ลดการเกิดการชำรุดของเวชระเบียน
  2. สำรวจสายไฟในหน่วยงานไม่ให้ชำรุดสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอัคคีภัย
  3. มีการจำลองเหตุการณ์ ร่วมซ้อมแผนภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเตรียมความพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  4. จัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง และมีการตรวจสอบให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายทางกายภาพที่อาจเกิดขึ้นของเวชระเบียน
  5. การสำรวจปลวกและกำจัดปลวกในหน่วยงาน และมีระบบการจัดการขยะที่เหมาะสมในหน่วยงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
  6. สถานที่จัดเก็บแฟ้มเวชระเบียนของผู้ป่วยทุกประเภทห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
  7. การขอประวัติผู้ป่วยเพื่อไปใช้ภายนอกโรงพยาบาล ต้องทำบันทึกการขอข้อมูลตามแบบฟอร์มไว้เป็นหลักฐาน เพื่อขออนุญาตกับผู้บังคับบัญชา และพิจารณาเป็นรายกรณีไป โดยให้เฉพาะสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
  8. เจ้าหน้าที่ของแผนกเวชระเบียนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าถึงแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในได้ โดยทุกคนจะได้รับการอบรมในเรื่องการรักษาข้อมูลผู้ป่วย จรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่เวชระเบียน ในการไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือการขอเข้าดู
  9. มีการจัดเวรปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเวรเช้าวันเสาร์-อาทิตย์จัดเวรละ 2 คน เวรบ่าย-ดึก เวรละ 1 คน และจัดเจ้าหน้าที่เสริมในวันที่มีผู้รับบริการมาเป็นพิเศษ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ
  10. ห้องตรวจจะต้องส่งแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย คืนหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจในแต่ละวันหรือภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยที่ Admit ให้ ward ส่งคืน OPD Card ภายหลัง Discharge ผู้ป่วย
  11. แฟ้ม IPD ภายใน 15 วัน หลังจากผู้ป่วย Discharge เจ้าหน้าที่ผู้คืนจะต้องลงบันทึกการคืนในใบรายงานยอดผู้ป่วยนอกหรือสมุดส่งคืนแฟ้มผู้ป่วยใน ส่วนเจ้าหน้าที่เวชระเบียนมีหน้าที่รับคืนโดย manual และบันทึกใน Computer
  12. การใช้ระบบสารสนเทศในการควบคุมเวชระเบียนโดยออกแบบโปรแกรมสามารถบันทึกการส่งเวชระเบียนผู้ป่วยไปแผนกต่างๆ และสามารถตรวจสอบกลับได้ เมื่อพบว่าประวัติผู้ป่วยที่ค้นหาไม่พบถูกส่งไปจุดบริการใดเป็นจุดสุดท้ายที่ใช้บริการ
  13. การประชุมชี้แจงนโยบายด้านเวชระเบียนให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทราบ
  14. กรรมการสารสนเทศกำหนดผู้มีสิทธิและระดับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลในแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย ดังนี้

ผู้มีสิทธิ
  1. เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเวชระเบียนทุกคน
  2. แพทย์/พยาบาล ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย
  3. ผู้ทำงานวิจัย หรือนักศึกษาหลักสูตรทางการแพทย์และสาธารณสุขต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าฝึกอบรมที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
  4. ศาล ,บริษัทประกันชีวิต,สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สำนักงาประกันสังคม,บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ,กรมบัญชีกลาง ต้องทำหนังสือขอเข้าดูข้อมูล หรือมีหมายศาลโดยผ่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล









วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

WI-IMT-การข้อมูลประวัติการรักษาเวชระเบียนผู้ป่วย

การข้อมูลประวัติการรักษาเวชระเบียนผู้ป่วย
............................

ขั้นตอนการขอประวัติการรักษา เวชระเบียนผู้ป่วย
เจ้าของประวัติ (หากเป็นญาติมาขอแทนต้องมีสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของประวัติและญาติ)
1. กรอกเอกสารบันทึกขอประวัติ (ห้องบัตร) เสนอ ผอก.เพื่อขออนุมัติเปิดเผยประวัติ
2. ถ่ายเอกสาร ลงลายมือชื่อ พร้อมประทับตราโรงพยาบาลในสำเนาเวชระเบียน (หัวหน้างาน  เวชระเบียน)
3. ลงทะเบียนการขอประวัติในโปรแกรม HOSxP และพิมพ์ใบคำขอให้ผู้มาขอประวัติ ลงลายมือชื่อรับประวัติไป
4. ค่าธรรมเนียมการค้นประวัติ สำหรับเจ้าของประวัติ 50 บาท  
5. เก็บหนังสือไว้ในแฟ้มเอกสาร การขอประวัติเวชระเบียน

บริษัทประกันชีวิต
2. รอกเอกสารบันทึกขอประวัติ (ห้องบัตร) เสนอ ผอก.เพื่อขออนุมัติเปิดเผยประวัติ
3. ถ่ายเอกสาร ลงลายมือชื่อ พร้อมประทับตราโรงพยาบาลในสำเนาเวชระเบียน (หัวหน้างานเวชระเบียน)
4. ลงทะเบียนการขอประวัติในโปรแกรม HOSxP และพิมพ์ใบคำขอให้ผู้มาขอประวัติ ลงลายมือชื่อรับประวัติไป
5. ค่าธรรมเนียมการขอประวัติ สำหรับบริษัทประกัน 100 บาท
6. เก็บหนังสือไว้ในแฟ้มเอกสาร การขอประวัติเวชระเบียน

บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล
๑. บันทึกการขอยืม/ทำสำเนาประวัติลงในโปรแกรม HOSxP และพิมพ์คำขอยืมประวัติผู้ป่วยเสนอ หัวหน้างานเวชระเบียน เพื่ออนุมัติ
๒. ลงลายมือชื่อในแบบคำขอยืม/ขอทำสำเนาประวัติผู้ป่วย
๓. เก็บหนังสือไว้ในแฟ้มเอกสาร การขอประวัติเวชระเบียน

บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลอื่น(เพื่อเหตุผลประกอบการรักษา)
1. บันทึกการขอยืม/ทำสำเนาประวัติลงในโปรแกรม HOSxP และพิมพ์คำขอยืมประวัติผู้ป่วยเสนอ หัวหน้างานเวชระเบียน เพื่ออนุมัติ
2. ลงลายมือชื่อในแบบคำขอยืม/ขอทำสำเนาประวัติผู้ป่วย
3. เก็บหนังสือไว้ในแฟ้มเอกสาร การขอประวัติเวชระเบียน

นักเรียนนักศึกษาหลักสูตรแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาล กายภาพบำบัด และนักวิชาการสาธารณสุข
1.บันทึกการขอยืม/ขอทำสำเนาประวัติลงในโปรแกรม HOSxP และพิมพ์คำขอยืมประวัติผู้   ป่วยเสนอ หัวหน้างานเวชระเบียน เพื่ออนุมัติ
2.ลงลายมือชื่อ พร้อมประทับตราโรงพยาบาลในสำเนาเวชระเบียน โดยมีครูพี่เลี้ยงลงลายมือชื่อรับรอง เก็บหนังสือไว้ในแฟ้มเอกสาร การขอประวัติเวชระเบียน