วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ก้าวย่างแห่งความหวัง


ชีวิตของคนแต่ละคน อาจจะมีความหวังหลายๆอย่างในชีวิต บางคนเลือกที่จะมีความสุขกับครอบครัวในบั้นปลายชีวิต บางคนเลือกที่จะรวยล้นฟ้า บางคนเลือกที่จะใช้ชีวิตที่สงบสุข บางคนเลือกที่จะมีรถสักคันบ้านสักหลัง แต่ลุงประจักษ์ความหวังของเขาคือการเดิน
ลุงประจักษ์ ผู้ป่วยอายุ ๖o ปี อยู่ที่บ้านนาเบี้ย ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ภรรยา ลูกสาว 2 คน และหลานสาวอีก 1 คน อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ลุงประจักษ์เปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัว ประกอบอาชีพทำไร่ ทำสวน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ลุงประจักษ์มอบภาระการดูแลเลี้ยงดูลูกให้แก่ภรรยาของแกเท่านั้น ส่วนเรื่องการทำมาหากินลุงรับผิดชอบเอง
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ลุงประจักษ์ต้องหันเหมาเป็นช่างไม้เนื่องจากอาชีพทำไร่ไม่พอกับการที่จะต้องเลี้ยงครอบครัว โดยตระเวนรับจ้างไปเรื่อย จนลูกเรียนจบปริญญาตรี และกลับมาอยู่ที่ด่านซ้ายอีกครั้งในปี ๒๕๔๗ โดยหันมาทำไร่ข้าวโพดพร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านในละแวกนั้นให้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลุงประจักษ์ทำงานที่ได้รับมอบหมายและช่าวเหลือพี่น้องที่ได้รับปัญหาต่างๆจนเป็นที่รักของชาวบ้านในชุมชนเดียวกัน
และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ขณะที่ลุงประจักษ์และเพื่อนบ้านขึ้นต้นผักสะทอนเพื่อนำไปประกอบอาหาร ความสูงของต้นสะทอน 5 เมตร ลุงประจักษ์ก้าวไปเหยียบกิ่งที่ผุ โดยส่วนหลังไปกระแทกกับกิ่งไม้ก่อนจะถึงพื้นดิน มารู้สึกตัวอีกทีหน้าก็คว่ำลงกับพื้นแล้ว ลุงประจักษ์มีสติอยู่ตลอดจนสัมผัสได้ว่าตั้งแต่เอวลงไปจนถึงขาไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์และครอบครัวต่างช่วยกันพาลุงประจักษ์ส่งมาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย โดยใช้ไม้กระดานยึดตัวลุงไว้เพราะเข้าใจว่าหลังและขาหัก ทางโรงพยาบาล X-RAY พบว่ากระดูกสันหลังระดับอก มีการแตก จึงนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลเลย
ลุงประจักษ์ได้รับการผ่าตัดในวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ หลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบ ลุงประจักษ์ตื่นขึ้นมาพบว่า กล้ามเนื้อแขนขาทั้งสองข้างไม่มีความรู้สึก ลุงประจักษ์ทำกายภาพอยู่ที่โรงพยาบาลเลยอยู่พักใหญ่โดยที่มีเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง คนในครอบครัว ผลัดเปลี่ยนกันมาให้กำลังใจ จากที่เคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นภาระให้ครอบครัว กลัวว่าจะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ กลับมีความหวังขึ้นมาโดยที่ไม่ได้แสดงถึงความเจ็บปวดใดๆให้ใครเห็นเลย ทั้งทั้งที่ใจยังคงกังวลอยู่
ลุงประจักษ์กลับมาอยู่ที่บ้านหลังจากทำการรักษาที่โรงพยาบาลเลย เกือบสองเดือน โดยนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวไม่ได้ขยับไปไหนและมีความกังวลกับแผลผ่าตัดที่ยังไม่หายสนิทดี ทีมเยี่ยมบ้านโรงพยาบาลด่านซ้ายแนะนำให้ลุงประจักษ์ไปรับการรักษาต่อที่แผนกกายภาพบำบัดของโรงพยาบาล
วันแรกของการมารับการรักษาที่โรงพยาบาล ลุงประจักษ์ได้เรียนรู้การเคลื่อนย้ายตัวเองบนที่นอน และการใช้กล้ามเนื้อพลิกตะแคงตัว ลุงประจักษ์เริ่มมีกำลังใจที่จะทำกิจกรรมอื่นๆต่อไป และรับการรักษาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
ปัจจุบัน ลุงประจักษ์สามารถเคลื่อนย้ายและลุกนั่งได้บนเตียงและยังสามารถช่วยตัวเองไปที่รถเข็นนั่งได้อีกในระดับหนึ่ง ทั้งยังอาบน้ำโดยที่ไม่ต้องให้ลูกหลานหรือภรรยาดูแลเหมือนเมื่อก่อน ลุงประจักษ์ยังมีความหวังว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่คุณหมอบอกว่า นั่งรถเข็นได้นี่แหละสามารถแล้ว
ลุงประจักษ์และยังหวังที่จะกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติได้โดยมีกำลังใจจากครอบครัว เพื่อนบ้านที่มาคอยให้กำลังใจและรอยยิ้มนี่เองที่ทำให้ลุงประจักษ์กลับมาลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง
ความจริงและความหวังอาจจะจะแตกต่างกันมากก็ตาม แต่ถ้าเรามีเป้าหมายในชีวิต ถึงแม้สภาพความเป็นจริงจะต่างกันเพียงใด หากมีความพยายาม ความหวัง และกำลังใจสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้อาจจะอยู่ไม่ไกลเลย

นางสาว ทิชากร บรรจถรณ์

นักศึกษากายภาพบำบัด ชั้นปีที่ ๔

มหาวิทยาลัยขอนแก่น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น